วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ATM

บัตร ATM สามารถให้บริการที่อำนวยความสะดวกต่างๆโดยไม่ต้องเดินทางไปทำธุรกรรมทางการเงินที่สาขาของธนาคาร ได้แก่




1. บริการถอนเงิน (Withdrawal) พร้อมทั้งสามารถดู Virtual Slip ที่หน้าจอและสามารถให้เลือกที่จะพิมพ์หรือไม่พิมพ์สลิปได้และสามารถใช้ ATM ถอนเงินสูงสุด 20,000 บาท ต่อ 1 รายการ
ภายใน1 วัน


2. บริการสอบถามยอด/พิมพ์รายการเดินบัญชี (Balance/Statement Inquiry):
สามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือในบัญชี (Ledger Balance) และยอดเงินคงเหลือที่สามารถถอนได้ (Available Balance) ของบัญชีที่ผูกกับบัตรทำรายการได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกพิมพ์รายการเดินบัญชีของบัญชี E-Savings หรือรายการซื้อสินค้าผ่านบัตรเดบิตของคุณได้อีกด้วย

3. บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ
ชำระค่าสินค้า/บริการ และค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ผ่านเครื่อง ATM ทั่วประเทศ ตามยอดคงเหลือที่สามารถใช้ได้ในบัญชี
- ชำระค่าบริการโทรศัพท์มือถือ
- ค่าภาษีเงินได้ ภงด.91
- ค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง
- ค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงไทย
- ค่าเบี้ยประกันบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด
- ค่าบริการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)
- ค่าใช้จ่ายผ่านบัตรธนาคารฮ่องกงเซียงไฮ้
- ชำระเงินกองทุนวัยเกษียณ และธนสรรของ KTAM
- ชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา
- ชำระค่าบริการ/สินค้า AVON
- ชำระค่าลงทะเบียนมหาวิทยาลัย
- บริการซื้อชั่วโมงอินเทอร์เน็ต KSC
- บริจาคเงินเข้ามูลนิธิโสสะ
- ค่าเบี้ยประกันบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
- ค่าเบี้ยประกันบริษัท AIA จำกัด
- ชำระค่าบัตรเครดิต/ค่าเช่าซื้อและเงินกู้บริษัท อิออน
- ชำระเงินกองทุนRMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ1,2



4. บริการโอนเงิน (Transfer) ซึ่งรวมถึงบริการเสริมแจ้งผลการโอนเงินผ่านบริการ SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของผู้รับโอน

บริการโอนเงินระหว่างบัญชีที่ผูกกับบัตร (Transfer between your linked A/C)

สามารถโอนเงินระหว่างบัญชีที่ผูกกับบัตรโดยไม่จำกัดวงเงิน โดยที่สามารถทำการโอนเงินผ่านบริการ ATM ได้

บริการยืนยันการโอนเงินผ่าน SMS เป็นบริการเสริมของการโอนเงินผ่าน ATM โดยจะมีการแจ้งผลการโอนเงินผ่านบริการ SMS ไปยังโทรศัพท์ของผู้รับโอน ซึ่งจะมีรายละเอียดประกอบไปด้วยเลขที่บัญชีผู้รับโอน จำนวนเงิน และหมายเลขโทรศัพท์/รหัสอ้างอิงของผู้โอน ที่ผู้รับโอนสามารถมั่นใจได้ในรายการได้เนื่องจากเป็นบริการแจ้งผลจากทางธนาคาร




5. บริการชำระเงินด้วยบาร์โค้ด (Barcode Payment): สามารถทำรายการชำระเงินผ่านบาร์โค้ดที่เครื่องเอทีเอ็ม ของธนาคารที่มีเครื่องอ่านบาร์โค้ดได้ทั่วประเทศด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอนคือ

Step 1: เลือกชำระเงินด้วยบาร์โค้ด
Step 2: วางแถบบาร์โค้ดที่จุดอ่านบาร์โค้ด
Step 3: กดปุ่มยืนยันการทำรายการ


6. บริการกองทุนรวม (Mutual Fund) สามารถทำรายการซื้อ/ขายกองทุนรวมต่างๆของธนาคารได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่เครื่อง ATM ของธนาคาร


7. บริการเปลี่ยนรหัส (Change PIN): เพื่อความปลอดภัยในการทำรายการ ควรเปลี่ยนรหัสประจำบัตรของคุณอย่างสม่ำเสมอ โดยเข้ามาที่เมนูบริการเปลี่ยนรหัส เพื่อกำหนดรหัสชุดใหม่ให้แก่บัตรของคุณ


8. บริการอื่นๆ (Others)

• บริการเปลี่ยนเป็นบัญชี E-Savings Account (Switch to KBank E-Savings Account): เพื่อให้คุณสามารถพิมพ์รายการเดินบัญชี (Statement) ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ได้ สามารถเข้ามาที่เมนูเพื่อเปลี่ยนบัญชีออมทรัพย์ของคุณให้เป็นบัญชี E-Savings Account ได้ทันที
• บริการสมัครบริการหักบัญชีอัตโนมัติ (Register KBank Direct Debit) เพื่อให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย คุณไม่ต้องคอยเสียเวลากับการชำระค่าสินค้าและบริการที่ยุ่งยาก คุณสามารถสมัครใช้บริการหักบัญชีอัตโนมัติผ่านเครื่อง ATM เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระค่าใช้จ่าย เพื่อให้ธนาคารทำการหักบัญชีของคุณเพื่อชำระค่าใช้จ่ายโดยอัตโนมัติ

• บริการสมัครบริการสำหรับโทรศัพท์มือถือ (Apply for Mobile Phone Service) ด้วยบริการรูปแบบใหม่ๆของธนาคารที่อำนวยความสะดวกให้ในการใช้บริการของธนาคารผ่านโทรศัพท์มือถือ สามารถสมัครใช้บริการสำหรับโทรศัพท์มือถือ ที่เครื่อง ATM ของธนาคารได้ เช่น

- บริการรับข้อมูลทางโทรศัพท์มือถือกสิกรไทย (K-mAlert)
- บริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือกสิกรไทย (K-mBanking)
- บริการ ATM SIM

• บริการบริจาคการกุศล (Donation to Charity): คุณยังสามารถบริจาคการกุศลให้แก่มูลนิธิที่ธนาคารกสิกรไทยได้เข้าร่วมโครงการอีกด้วย โดยที่คุณสามารถบริจาคเงินจากบัญชีที่ผูกกับบัตรได้สูงสุดตามวงเงินของบัตรที่ใช้ทำรายการ

แหล่งที่มา :

http://www.kasikornbank.com/portal/site/KBank/menuitem.0070e072a5eceec68fab7943658f3fa0/?vgnextoid=afa0ce1dfb81f010VgnVCM10000056f8f30aRCRD&vgnextpage=1

http://www.ktb.co.th/PublicApp/ktbweb/th/pid/0700001380#A1

วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

อุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงานอัตโนมัติ

ภายในสำนักงานย่อมมีเครื่องใช้สำนักงานต่าง ๆ ประกอบกันอยู่มาก ในอดีตต้องมีตู้เก็บเอกสาร เก็บแฟ้มข้อมูล มีเครื่องคิดเลข กระดาษ ดินสอ การทำงานก็มีแบบฟอร์มต่าง ๆ ที่ต้องกรอก ต้องประมวลผลหรือคิดคำนวณ การส่งเอกสารกระทำโดยเด็กส่งหนังสือ การสรุปผลหรือทำรายงานยุ่งยากเสียเวลา เช่น การสรุปยอดขายหรือทำบัญชีต้องมีการกรอกข้อมูล คิดคำนวณตัวเลขเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันในสำนักงานมีอุปกรณ์มาช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น รวดเร็ว และช่วยลดปัญหาข้อผิดพลาดได้ด้วย
อุปกรณ์สำนักงานเหล่านี้ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนเนอร์ โทรศัพท์ โทรสาร ฯลฯ

คอมพิวเตอร์







• สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Bar-code) อ่านเวลาเข้า-ออก ของพนักงาน และคิดราคาสินค้า ในห้างสรรพสินค้า
• สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ ไว้ในฐานข้อมูล (Database) เพื่อใช้งานได้ทันที
• สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภท จัดกลุ่ม ทำรายงานลักษณะต่างๆ ได้ โดยระบบประมวลผลข้อมูล (Data Processing)
• สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล (Data Communication)
• สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบประมวลผลคำ (Word Processing) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation)




โทรสาร






• โทรสาร หรือ โทรภาพ (อังกฤษ: facsimile, fax แฟกซ์) คือเทคโนโลยีโทรคมนาคมอย่างหนึ่งใช้สำหรับโอนถ่ายข้อมูลสำเนาของเอกสาร ผ่านทางอุปกรณ์บนเครือข่ายโทรศัพท์ที่เรียกว่า เครื่องโทรสาร หรือ telecopier ในอุตสาหกรรมบางประเภท การส่งสำเนาเอกสารจากระยะไกลไปยังบุคคลหนึ่ง
• ข้อดีคือรวดเร็วกว่าการส่งทางไปรษณีย์
• ข้อเสียคือเอกสารที่ได้รับอาจมีคุณภาพต่ำ และรูปแบบที่จัดวางไว้อาจไม่ตรงตำแหน่งหรือผิดเพี้ยนไป ปัจจุบันโทรสารได้ลดความนิยมลงไป เนื่องจากนิยมส่งเอกสารทางอีเมลแทน ซึ่งจะไม่เกิดข้อเสียดังกล่าว

เครื่องถ่ายเอกสาร (Printer)





• ป็นอุปกรณ์ Output Device ซึ่งทำหน้าที่พิมพ์เอกสารหรือรูปภาพที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ ปัจจุบันมี Printer อยู่ 3 ประเภท คือ Dotmatrix Printer ซึ่งเป็นแบบหัวกระแทกผ้าหมึกเกิดเป็นตัวอักษรหรือภาพ เหมาะกับงานพิมพ์เอกสาร Inkjet Printer เป็นแบบพ่นน้ำหมึกลงไปบนกระดาษซึ่งงานพิมพ์ที่ออกมาจะมีความ ละเอียดและสวยงามกว่า Dotmatrix Printer แต่ค่าน้ำหมึกแพงจึงเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็ว และพิมพ์รูปภาพ มากกว่าการพิมพ์เอกสาร Laser Printer เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีความเร็วสูงที่สุดและมีราคาแพงที่สุดใน 3 ประเภทมีความละเอียดสูงแต่ราคาค่าหมึกแพงเหมาะกับงานทุก ประเภทที่ต้องการความ


เครื่อง สแกนเนอร์ (Scanner)


<



• สแกนเนอร์ คือ อุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอลซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ สามารถใช้สแกนเนอร์ทำงานต่างๆได้ดังนี้
- ในงานเกี่ยวกับงานศิลปะหรือภาพถ่ายในเอกสาร
- บันทึกข้อมูลลงในเวิร์ดโปรเซสเซอร์
- แฟ็กเอกสาร ภายใต้ดาต้าเบส และ เวิร์ดโปรเซสเซอร์
- เพิ่มเติมภาพและจินตนาการต่าง ๆ ลงไปในผลิตภัณฑ์สื่อโฆษณาต่าง ๆ

โทรศัพท์



• โทรศัพท์ เป็นเครื่องมือสื่อสารให้ติดต่อพูดถึงกันได้ในระยะไกล เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ในการติต่องาน


แหล่งที่มา

pirun.ku.ac.th

http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/scan.htm

http://www.sripiboon.com/product_96489_th/~b4904281/page2.html

th.wikipedia.org

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สรุปหลักเกณฑ์การพิจารณาการตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้

        การพิจารณาการตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้เนื่องจากระบบงานสำนักงานอัตโนมัติเป็นงานที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะด้าน เป็นผู้จัดระบบดังนั้นก่อนจะสร้างระบบสำนักงานอัตโนมัติคงต้องเป็นหน้าที่ของบุคคลดังต่อไปนี้
1. ผู้ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
บริษัทที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สำนักงานอัตโนมัติ มักจะให้บริการด้านการให้คำปรึกษาหรือเป็นผู้จัดตั้งระบบโดยไม่คิดมูลค่า เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของแต่ละสำนักงาน
2. ทีมงานเฉพาะกิจของบริษัท
บริษัทที่ต้องการมีสำนักงานอัตโนมัติ อาจจัดตั้งทีมงานขึ้นมาเองเพื่อทำการวิจัยด้านนี้โดยเฉพาะและควรมีพนักงานที่มีความชำนาญด้านการจัดการข้อมูล
3. ที่ปรึกษา
บางบริษัทไม่มีพนักงานที่มีความชำนาญพอที่จะจัดตั้งทีมงานขึ้นเองได้
4. ทีมงานเฉพาะกิจร่วมกับที่ปรึกษา

        ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนการเปลี่ยนแปลงระบบสำนักงาน มีดังนี้
1. การจัดการเอกสารในสำนักงาน พิจารณาถึงข้อมูลในด้านต่าง ๆ ดังนี้
ปริมาณงานที่พิมพ์มีมากน้อยเพียงใด และความยาวของเนื้อหา
2. การวิเคราะห์ระบบสำนักงานทั้งระบบ พิจารณาสิ่งต่อไปนี้
- พิจารณาโครงสร้างของระบบสำนักงาน ว่าที่ใช้อยู่นั้นดีหรือยัง
- พิจารณาผังของสำนักงาน ว่ามีการเคลื่อนไหวของข้อมูลอย่างไร
- พิจารณาหน้าที่ของอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
- พิจารณาของแบบฟอร์มที่ใช้วิเคราะห์
- พิจารณาหน้าที่ของงานแต่ละอย่าง เพื่อทราบการทำงานรายละเอียดของงานทั้งหมด